คอลลาเจน (Collagen) คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร

คอลลาเจน (Collagen) คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร

คอลลาเจน (Collagen) คือ เส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในส่วนต่างๆของร่างกาย ได้แก่ ผิวหนัง ขน เส้นผม กระดูกอ่อน ข้อต่อ หลอดเลือด กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อต่างๆ ทำหน้าที่คล้ายกาวช่วยในการยึดเกาะส่วนต่างๆไว้ ซึ่งร่างกายมนุษย์ทุกคนสามารถสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเองได้ตามธรรมชาติ โดยร่างกายจะมีการสร้างและสลายคอลลาเจนในปริมาณที่สมดุลกัน จนเมื่อเรามีอายุที่มากขึ้นตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนก็จะลดลง (ประมาณ 1% ต่อปี) ในขณะที่อัตราการสลายยังเท่าเดิม ทำให้ปริมาณคอลลาเจนในร่างกายค่อยๆลดลงเรื่อย ๆ

คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีอยู่ในร่างกาย คิดเป็น 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมด หรือประมาณร้อยละ 6 ของน้ำหนักตัว ปัจจุบันมีการค้นพบคอลลาเจนมาแล้วมากกว่า 29 ชนิด แต่ที่พบมากที่สุดในร่างกายมนุษย์ มี 5 ชนิด ดังนี้

  • คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Type I) พบมากถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย ช่วยในการสร้างกระดูก ผิวหนัง ผนังหลอดเลือด เอ็นยึดกล้ามเนื้อ กระจกตา และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีความเหนียวและแข็งแรงมากที่สุด ช่วยป้องกันเนื้อเยื้อไม่ให้ฉีกขาด ช่วยสมานแผลบนผิวหนัง และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้ผิวกระชับ ไม่หย่อนคล้อย
  • คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Type II) พบมากในกระดูก กระดูกอ่อน และข้อต่อ มีความยืดหยุ่นมากกว่าชนิดที่ 1 และทำหน้าที่แตกต่างจากชนิดที่ 1 อย่างสิ้นเชิง โดยจะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์เซลล์ใหม่ๆให้มีจำนวนมากขึ้น เพื่อลดอัตราการเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ ทำให้ข้อต่อมีความแข็งแรง ช่วยในการรองรับน้ำหนักและทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวสะดวก
  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Type III) มักพบร่วมกับชนิดที่ 1 แต่มีอัตราส่วนที่น้อยกว่า โดยส่วนใหญ่มักจะพบในผิว กล้ามเนื้อ ผนังหลอดเลือด และผิวใหม่หรือผิวที่เป็นแผลสร้างใหม่ แต่พบได้น้อยในข้อต่อต่าง ๆ
  • คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Type IV) เป็นคอลลาเจนที่มีลักษณะเฉพาะตัว พบได้เฉพาะบริเวณเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน และเส้นใยฝอยของเยื่อบุผิวแผ่นบางๆ บริเวณนอกเซลล์ มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด
  • คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Type V) เป็นองค์ประกอบของเยื่อบุเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย มักพบในบริเวณเดียวกันกับชนิดที่ 1 ในเซลล์ของผิวหนัง และเส้นผม ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของเส้นใยภายในชั้นผิว และจัดระเบียบเซลล์ผิวให้เป็นระเบียบ

ประโยชน์ของคอลลาเจน

คอลลาเจนไม่ได้มีประโยชน์แค่ในด้านผิวพรรณ แต่มีประโยชน์ในด้านอื่นๆมากกว่าที่คุณคิด เนื่องจากคอลลาเจนที่พบในร่างกายมนุษย์ มีมากกว่า 29 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีหน้าที่แตกต่างกันไป ทั้งเรื่องผิว กล้ามเนื้อ หลอดเลือด เนื้อเยื่อ กระดูก ข้อต่อ และอีกมากมาย ซึ่งพอจะสรุปประโยชน์ของคอลลาเจนได้ดังนี้

  1. ช่วยลด ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นให้ผิว ผิวหนังของเรามีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบมากถึง 75% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคอลลาเจนชนิดที่ 1 ที่มีความเหนียวและแข็งแรงมากที่สุด มีความสำคัญในการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย และคอลลาเจนยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบไหลเวียนเลือด ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวดูกระจ่างใส ฝ้า กระ และจุดด่างดำลดลง
  2. ช่วยในเรื่องกระดูกอ่อนและข้อต่อ คอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็นคอลลาเจนที่พบมากในกระดูกอ่อนและข้อต่อ มีหน้าที่ลดอัตราการเสื่อมของกระดูกอ่อน และช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกข้อต่อ ช่วยลดอาการบาดเจ็บ อาการปวดข้อ และอาการข้อเสื่อมได้
  3. ช่วยในเรื่องสุขภาพหัวใจ คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบในผนังหลอดเลือด ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของหลอดเลือดแดง ทำให้หลอดเลือดแข็งแรงและทำงานได้เป็นปกติ หากร่างกายขาดคอลลาเจนหรือมีคอลลาเจนไม่เพียงพอ อาจทำให้หลอดเลือดแดงเปราะบาง เกิดการตีบตันของหลอดเลือดได้
  4. ช่วยสมานแผล คอลลาเจนสามารถช่วยรักษาบาดแผล สมานแผลที่ผิวหนัง ลดการอักเสบ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ทดแทนเนื้อเยื่อที่เสียไป ทำให้บาดแผลหายได้เป็นปกติ
  5. ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อประสาท คอลลาเจนช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อส่วนประสาท ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนและความผิดปกติของเซลล์ประสาท ช่วยป้องกันการเสื่อมของระบบประสาท และยังมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณเซลล์ประสาทให้ดียิ่งขึ้น
โดยสรุปแล้ว คอลลาเจนมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้น เต่งตึง และฟื้นฟูผิวพรรณให้มีสุขภาพที่ดี ยังช่วยบำรุงและซ่อมแซมกระดูกอ่อน ลดการเป็นไขข้อเสื่อม และช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บให้มีความแข็งแรงและเงางาม การรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนอย่างสม่ำเสมอจึงมีความจำเป็นและเป็นประโยชน์อย่างมากต่อร่างกายและสุขภาพของเรา

แหล่งคอลลาเจนที่ร่างกายควรได้รับ สามารถได้มาจาก 3 แหล่ง คือ

  1. ร่างกายผลิตขึ้นมาเองตามธรรมชาติ แต่ความสามารถในการสังเคราะห์คอลลาเจนของร่างกายจะค่อยๆ ลดน้อยลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยลดลงปีละ 1-1.5%
  2. รับประทานอาหารที่มีคอลลาเจน หรืออาหารที่ส่งเสริมการผลิตคอลลาเจน เช่น อาหารที่มีโปรตีน เนื้อ นม ไข่ ถั่วเหลือง ปลาทะเล ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะนาว ฝรั่ง ทับทิม กีวี เกร็ปฟรุต รวมถึงผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
  3. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มคอลลาเจน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยให้ร่างกายได้รับคอลลาเจนในปริมาณที่เพียงพอ สะดวกและรับประทานง่าย ร่างกายดูดซึมได้เร็ว และเห็นผลได้ในเวลาที่รวดเร็ว

คอลลาเจนในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

คอลลาเจนที่เป็นอาหารเสริม โดยปกติจะเป็นคอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยให้มีสายสั้นลง หรือเรียกว่า ไฮโดรไลซ์คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) ซึ่งไฮโดรไลซ์คอลลาเจนจะมีขนาดอนุภาคที่เล็กลง และความยาวสายสั้นๆ โดยยิ่งมีขนาดเล็กเท่าใดยิ่งมีประสิทธิภาพในการดูดซึมมากเท่านั้น ซึ่งจะดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนทั่วไปมากถึง 3-4 เท่า มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่

  1. คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) คอลลาเจนเปปไทด์ เป็นคอลลาเจนที่มีลักษณะโมเลกุลเรียงต่อกันเป็นสายสั้นๆ บางครั้งเรียกว่าคอลลาเจนเปปไทด์สายสั้น ซึ่งยังถือว่ามีขนาดโมเลกุลใหญ่เมื่อเทียบกับชนิดอื่น แม้จะสามารถดูดซึมได้โดยไม่ต้องผ่านการย่อย แต่ก็ใช้เวลาในการดูดซึมช้ากว่าชนิดอื่น
  2. คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Collagen Tripeptide) คอลลาเจนไตรเปปไทด์ เป็นคอลลาเจนที่ถูกพัฒนาต่อจากคอลลาเจนเปปไทด์เพื่อให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลง และง่ายต่อการดูดซึมมากยิ่งขึ้น และทำให้ร่างกายสามารถนำคอลลาเจนไปใช้ได้ทันที โดยคอลลาเจนไตรเปปไทด์นั้นจะถูกย่อยให้มีขนาดเหลือแค่โมเลกุลของกรดอะมิโน 3 ตัวเรียงต่อกันเท่านั้น
  3. คอลลาเจนไดเปปไทด์ (Collagen Dipeptide) คอลลาเจนไดเปปไทด์ เป็นคอลลาเจนเสริมอาหารที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่ถูกพัฒนาต่อจากคอลลาเจนไตรเปปไทด์ให้มีขนาดโมเลกุลที่เล็กลงอีก และดูดซึมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมีขนาดโมเลกุลเพียงกรดอะมิโน 2 ตัวเรียงต่อกันเท่านั้น ทำให้สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ไว และเข้าไปบำรุงผิวหนัง กระดูก ข้อต่อ เอ็น และส่งเสริมการทำงานของส่วนต่างๆ ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ปริมาณคอลลาเจนที่ร่างกายต้องการต่อวัน

ความต้องการคอลลาเจนของแต่ละบุคคลอาจไม่เท่ากัน แล้วแต่วัยและช่วงอายุ ซึ่งมีคำแนะนำดังนี้

  • การทานเพื่อลดริ้วรอย ลดรอยเหี่ยวย่น เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ควรทานวันละ 10,000 มก. ต่อวัน
  • การทานเพื่อแค่บำรุงสุขภาพ ไม่หวังผลรวดเร็ว ควรทานวันละ 5,000 มก. ต่อวัน
  • การทานเพื่อบำรุงรักษากระดูก และข้อต่อ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ควรทานวันละ 2,500 – 5,000 มก. ต่อวัน

ปัจจัยที่มีผลต่อการลดลงของคอลลาเจน

  • ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อมีความเครียดร่างกายจะหลั่งสาร Cortisol (คอร์ติซอล) ออกมา ซึ่งสารชนิดนี้จะไปทำให้การสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังลดลง ทำให้ผิวหนังอ่อนแอ มีริ้วรอยเกิดขึ้นได้ง่าย คนที่มีความเครียดสูงจึงมักดูแก่กว่าวัย หรือดูแก่กว่าคนที่ไม่มีความเครียดในวัยเดียวกัน และการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ก็ทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพลงได้เร็วขึ้น ผิวพรรณจึงดูโทรม และดูไม่สดใส
  • การสัมผัสแสงแดดและมลภาวะต่างๆ เนื่องจากรังสียูวี (UV) ในแสงแดดจะไปทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวอ่อนแอและมีความยืดหยุ่นน้อยลง จึงเป็นสาเหตุทำให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอยบนผิวหนัง
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นประจำมีส่วนเร่งกระบวนการชราของผิว เพราะปริมาณเลือดที่ส่งไปยังผิวหนังมีจำนวนน้อยลง อีกทั้งแอลกอฮอล์ยังทำให้ผิวหนังขาดน้ำและแห้ง เมื่อร่างกายขาดน้ำจึงมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยได้ง่าย
  • การทานน้ำตาลมากเกินไป การทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมากเกินไป ทำให้น้ำตาลที่ร่างกายเผาผลาญไม่หมด เข้าไปทำลายโครงสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวหนังให้เสื่อมสภาพลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น หย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอยได้ง่าย

“Food Ingredient Technology Co., Ltd. เป็นตัวแทนจำหน่าย วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมายหลากหลายชนิด นำเข้าจากผู้ผลิตชั้นนำทั้งจากประเทศในยุโรป และเอเชีย รวมทั้งมีจำหน่าย คอลลาเจนเปปไทด์สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก (Marine Fish Collagen Peptide) รวมถึงสามารถพัฒนาในรูปพรีมิกซ์ ซึ่งสะดวกต่อการนำไปเพิ่มคุณค่าในผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ เช่น อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์นม เครื่องดื่ม เบเกอรี่ ซุป ขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป เป็นต้น หากสนใจสามารถติดต่อ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่g E-mail : sales@fit-biz.com

เรียบเรียงและอ้างอิงจาก :
  1. บทความเรื่อง “คอลลาเจน คืออะไร? เลือกให้ถูกกับที่ร่างกายต้องการ”, www.interpharma.co.th
  2. บทความเรื่อง “ประเภทของคอลลาเจนมีอะไรบ้าง มีผลต่อคุณภาพของคอลลาเจนหรือไม่?”, https://vistra.co.th
  3. บทความเรื่อง “คอลลาเจนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร กินคอลลาเจนตอนไหนดี”, https://amprohealth.com
  4. บทความเรื่อง “ทำความรู้จัก Collagen (คอลลาเจน) ทั้ง 5 ไทป์ ที่ร่างกายเราต้องการอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ Collagen Type 2”, https://aova.co.th
  5. บทความเรื่อง “ประโยชน์ของคอลลาเจนเปปไทด์ ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผิว”, www.derma-health.co.th

 

เรียบเรียงโดย

อทิตยา ทรัพย์สะสม
เจ้าหน้าที่วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาวุโส / Food Supplement

บริษัท ฟู้ด อินกรีเดียนท์ เทคโนโลยี จำกัด
1526-1540 ซอยพัฒนาการ 48 ถนนพัฒนาการ
แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
โทรศัพท์ : 0 2073 0977
โทรสาร : 0 2722 9389
อีเมล์ : sales [at] fit-biz.com


สงวนลิขสิทธิ์ ©2562 บริษัท ฟู้ด อินกรีเดียนท์ เทคโนโลยี จำกัด

GFCA Co., Ltd.